top of page

Black Mirror (Season 1-3) (2011-2016)

ดูต่อเนื่อง 3 ซีซั่น 13 ตอน ชอบทุกตอน ลืมยากทุกตอน กระตุ้นความคิด 1.1 The National Anthem เจ้าหญิงถูกจับตัวและจะถูกฆ่า ยกเว้นนายกรัฐมนตรีจะเอากับหมูและถ่ายทอดสด ถ้าคุณเป็นนายก จะทำไง เป็นเมียนายก จะทำไง เป็นคนดู จะคิดยังไง ประเด็นล้อเล่นแรง ๆ แบบนี้ว่าเจ๋งแล้ว แต่หนังวิจารณ์อารมณ์ที่ไหลไปตามสื่อจดจ่ออยู่หน้าจอทีวีเป็นอะไรที่เจ๋งกว่า ตลกร้ายฮะ, 1.2 Fifteen Million Merits ความโรแมนติกของโลกดีสโทเปียแห่งอนาคต คนต้องทำอะไรซ้ำซาก ๆ อย่างปั่นจักรยานเพื่อเอาเครดิต เพื่อความอยู่รอด และสะสมเครดิตเพื่อซื้อตั๋วให้ตัวเองได้ออกรายการโชว์เพราะหวังว่าจะพาข้ามพ้นความซ้ำซากนั้น ความรักเป็นตัวจุดประกายให้บางคนหาทางแสดงออกซึ่งการต่อต้าน เขาสามารถแสดงออกถึงการต่อต้านระบบได้สำเร็จหรือไม่ หรือระบบที่ฉลาดจะสามารถหาวิธีเอาประโยชน์จากการต่อต้านได้เสมอ, 1.3 The Entire History of You ชอบเทคโนโลยีในตอนนี้ คุณสามารถบันทึกทุกอย่างที่มองเห็น และ play back ความทรงจำบนจอทีวี รวมถึงเลือกที่จะลบมันได้ คำถาม การที่เรารู้ว่าเราสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างในความทรงจำของเรานั้น ดีจริงหรือ

2.1 Be Right Back ชวนให้นึกถึง Pet Sematary ของสตีเว่น คิง ที่คนตายกลับเข้ามาสิงในตุ๊กตายาง มีความเซ็กซี่ที่ไม่เน่าเปื่อย แต่การกลับมาไม่ใช่อาถรรพณ์หรือปาฏิหาริย์เป็นเหตุ หากแต่เป็น predictive modeling ประเด็นซ่อนเร้นที่เห็นได้ชัดในหนังคือการสะท้อนความเปราะบางของคน ง่ายมากที่เราจะยอมหลับตาข้างหนึ่งเพื่อให้เห็นความจริงอย่างที่เราอยากเห็น, 2.2 White Bear สร้างสรรค์มาก แต่เล่า plot ไม่ได้ เพราะมันหักมุม เรามีคำถามหนึ่งชวนคิดหลังคุณดูจบ สมมุติว่าคุณไม่เชื่อเรื่องกรรม สมมุติว่าพวกเรารู้แน่ว่าอุจเฉททิฐิเป็นสัมมาทิฐิ (by definition นะฮะ) การที่คนหนึ่งสูญเสียตัวตนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขายังควรรับผลสืบเนื่องทางสังคมจากการกระทำของตัวตนที่ไม่ใช่เขาอีกแล้วรึเปล่า เราพูดเฉพาะผลสืบเนื่องทางสังคมอย่างเดียวนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่สัมพันธ์โดยตรงกับตัวตนที่ควรจะรับผลสืบเนื่องนั้น ไม่ใช่ตัวตนอื่น, 2.3 The Waldo Moment เป็นเรื่องของนักแสดงตลกที่ให้เสียงตัวการ์ตูนหมีสีฟ้าหน้ากวน ๆ ที่ประชาชนชื่นชอบล้นหลาม ถึงขั้นหมีของเราลงเลือกตั้งกับเขาด้วย ความรู้สึกของนักแสดงตลกคือมันก็แค่ตัวการ์ตูนหมี เขามองข้ามความมีตัวตนของ fictional character และลืมไปว่าตัวเขาไม่ใช่ทั้ง necessary และ sufficient conditions ของการมีอยู่ของมัน, 2.4 White Christmas มีเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ 2 ชิ้น หนึ่ง คุณสามารถ ban คนอื่นได้ทั้งภาพและเสียง สอง (ทึกทักเอาเองว่า) คุณสามารถสร้าง NN ที่ copy เซลล์สมองของคุณได้สมบูรณ์แบบ และจับมันไปควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน อันนี้บรรเจิดมาก เพราะมันจะต้องมี self awareness เหมือนที่คุณมี พูดอีกอย่างว่า มันคือโคลนของจิตวิญญาณของคุณ

3.1 Nosedive เมื่อ social media status คือ social status คุณจะทำยังไงเพื่อให้คนรอบข้างเรตคุณ 5 ดาว, 3.2 Playtest พล็อตทวิสต์อีกเรื่อง พูดถึงเกม VR หรือ AR (จริง ๆ แล้วเป็น VR ที่ทำให้คนเล่นเชื่อว่าเป็น AR ... สปอยล์เล็ก ๆ) ที่จะดึงความกลัวในผู้เล่นออกมา ประมาณว่ามีความสามารถเดียวกับ Boggart ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ... มั้ง, 3.3 Shut Up and Dance เรื่องนี้โลเทคที่สุด bottom line (ระดับหนึ่ง) ถ้าจะควบคุมใครสักคน ก็แค่มองหาเรื่อง (ที่คนรอบข้างมองว่า) เสื่อม ๆ ที่เขากระทำ, 3.4 San Junipero ไฮเทคที่สุด ล้ำหน้ากว่าโคลนของจิตวิญญาณใน 2.4 เพราะเป็นเน็ตเวิร์กของจิตวิญญาณ (สมมุติว่ามันเป็น object ที่เราไม่อยากให้มีการโคลนทำนอง digital money) ที่เข้าไปอยู่ใน VR เทคโนโลยีนี้จึงเป็นสิ่งที่รับประกันว่ามีสวรรค์รออยู่หลังความตาย, 3.5 Men Against Fire พูดถึงโลกเดียวกับ Gattaca แต่มีความสุดโต่งกว่า ไม่ใช่แค่กีดกัน แต่กำจัด เทคโนโลยีที่น่าสนใจ คล้าย ๆ AR หรือ MR แต่ไม่ตรงนัก ควรพูดว่าเป็น selectively distorted reality (มีคำนี้มั้ยเนี่ย), 3.6 Hated in the Nation คนจำนวนมากในเรื่องนี้ถูกผึ้งฆ่า แต่ถ้าถามว่าใครเป็นฆาตกร ไม่เชิงว่าจะตอบง่ายนะ


bottom of page