
Less Than Zero
เล่มนี้ซื้อมาตอนช่วงก่อนสงกรานต์ (2554) พอดีไปยืนอ่าน Imperial Bedrooms ในร้าน รู้สึกว่าโครงเรื่องน่าสนใจ พลิกไปพลิกมา เห็นมันเป็นเล่มต่อของหนังสือเมื่อ 25 ปีแล้วชื่อ Less Than Zero ไม่ได้ล่ะ รีบตรงไปยังตู้ kiosk กดหาทันทีว่าจะมีขายมั้ยนะ? โชคดี มีฮะ ก็ซื้อกลับไปอ่านที่พังงาทั้ง 2 เล่ม หลังจากอ่านไปได้หน่อยเดียว ถึงกับเพ้อ หลงรักตัวละคร Clay ยอมเอาน้อง Holden เข้าแลกล่ะงานนี้ มันเหมือน the catcher in the rye ฉบับเซ็กส์เสรี พี้ยา ปาร์ตี้หลุดโลกของเด็ก ๆ วัยรุ่นที่พ่อแม่มีบ้านอยู่ย่านเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ ความกลวงชนิดไม่แยแสโลกและคนรอบตัวของ Clay ในเหตุการณ์ช่วงวันหยุดคริสต์มาสถ่ายทอดบรรยากาศหดหู่ เปลี่ยวเหงา เศร้าสร้อย เซ็กซี่และป่าเถือนได้อย่างปั่นป่วน บางตอนคุณไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะตามไปดูอย่างที่ Clay ตามไปมั้ย สำหรับผมทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจแต่ตอนแบบนั้นกลับหยุดอ่านไม่ได้จนกว่า Clay จะเดินหนีออกมา จังหวะการเล่าเรื่องและสไตล์ของ Bret Easton Ellis มีเสน่ห์จนคุณอดสงสัยไม่ได้ว่า มันทำให้ฉันหลงรักไอ้เด็กระยำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
Imperial Bedrooms

Clay วัยกลางคนกลับมา LA เพื่อร่วมคัดเลือกนักแสดงสำหรับหนังเรื่องใหม่ที่เขาเขียนบท แล้วดันหลงนักแสดงสาวประวัติความเป็นมาลึกลับ ขณะเดียวกันก็ถูกจับตามองโดยคนกลุ่มหนึ่ง ได้รับข้อความปริศนาเตือนต่าง ๆ นานา ในสภาพแวดล้อมนักแสดงหน้าใหม่อยากได้งานอยากได้เงิน ความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าที่ไม่หวนคืน ความเห็นแก่ตัว ความอำมหิต รู้สึกดีที่ได้เห็น Clay, Julian (ในฉบับหนังภาคแรก สวมบทโดย Robert Downey Jr. และตายตอนจบ จนถูก Bret แอบกัดในเล่มนี้ "เขาจำต้องถูกลงทัณฑ์จากบาปทั้งมวล เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในภาพยนตร์"), Blair, Trent, Rip, ... กลับมาในยุคไอที บรรยากาศมีไอโฟน แต่ถึงจะใช้ตัวละครร่วมกับ Less Than Zero เป็นภาคต่อ 25 ปีให้หลัง และยังเล่าเรื่องผ่านสายตาของ Clay แต่สไตล์ใน Imperial Bedrooms นี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และทริกที่ Bret ทำให้การฉีกสไตล์ดูไม่น่าเกลียดนักคือการให้ Clay ในฉบับนี้ปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ผู้เขียน LTZ ในภาคที่แล้ว คนรู้จักคนหนึ่งต่างหากที่เขียน (แหงล่ะ คนนั้นคือ Bret) และคนนั้นก็ไม่ได้วาดภาพของตนถูกต้องนัก ตนมิได้กลวง ไม่แยแสโลก หรือไร้น้ำใจขนาดนั้น แม้จะรับรองว่าเหตุการณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นจริง
สำหรับเรา ข้อแตกต่างชัดเจนระหว่าง LTZ กับ IB คือ จักรกลที่ใช้ผลักดันเรื่องแรกคือบุคลิกของ Clay หมายความว่า Bret อยากจะจบตรงไหนก็จบได้โดยไม่ทำให้คนอ่านรู้สึก อะไรว้า ขณะเรื่องหลังถูกขับเคลื่อนด้วยพล็อต แถมยังเป็นพล็อตในแนวลึกลับ สืบสวน ที่ชวนให้คนอ่านตั้งคำถามตลอดเวลาว่าไอ้ข้อความปริศนาที่ส่งมาหา Clay นั้น มาจากใคร ด้วยจุดประสงค์อะไร Bret ไม่สามารถจบได้หากยังไม่คลายปม นอกจากนี้ ประเด็น bisexuality ไม่ถี่เท่า LTZ แต่พอถึงท่อนปล่อยของนี่ ไม่เบาเลยนะฮะ ข้อที่เหมือนกันคือ ประโยคยาว ๆ คอมม่าแล้วคอมม่าอีก ใครที่เคยอ่าน LTZ ก็ไม่ควรพลาด ส่วนใครที่ไม่เคยอ่าน ก็ไม่จำเป็นต้องอ่าน ทั้งสองเล่มเป็นอิสระจากกัน เราเคยเขียนไว้ตอนรีวิว LTZ "มีเสน่ห์จนคุณอดสงสัยไม่ได้ว่า มันทำให้ฉันหลงรักไอ้เด็กระยำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร" ตอนนี้ตาสว่างล่ะ ความรักจางหาย แสนสั้น ความระยำยืนยง