top of page

What if?


ทั้งหมดเป็นคำถามที่แฟน ๆ ส่งให้แรนดัลผ่าน xkcd และคำตอบส่วนหนึ่งก็เผยแพร่ผ่านเว็บการ์ตูนสติ๊กแมนของเขานั่นแหละครับ คำตอบอีกส่วนตีพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งแรก เป็นคำถามแนว hypothetical (หรือแนวจะเกิดอะไรขึ้นถ้าจุดจุดจุด) คำถามว่ากวนแล้ว คำตอบกวนตีนกว่า ในบทนำแรนดัลว่า เขาเอาเลขมาใช้ช่วยตอบคำถาม แต่ถ้าเรามองจากมุมหนึ่ง คำถามเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขหรือความจริงที่เราต้องยอมรับ หรือภาษาคณิตศาสตร์เรียก axiom แล้วแรนดัลอาศัย axioms เหล่านี้กับ rules of inference ที่อิงอยู่กับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเพื่อหาข้อสรุป ถึงแม้คำตอบจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรใช้ชีวิตประจำวันแทบไม่ได้ แต่ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนการคิดอย่างเป็นระบบโดยใช้เพียงแค่ข้อกำหนดกับกฏ มันจึงเป็นคณิตศาสตร์นั่นแหละ เครื่องมือที่แรนดัลใช้กวนตีนคนอ่านมีหลายรูปแบบ เช่น ผ่านเชิงอรรถ ผ่านตัวสติ๊กแมน การอ่านสติ๊กแมนยากกว่าอ่านตัวบทที่อยู่ในรูปลำดับตัวอักษร เพราะสติ๊กแมนจะพาคนอ่านออกจาก context ปัจจุบันผ่านจุดเชื่อมโยงอีกมุมที่ต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้อ่าน ทำให้คนอ่านที่มีประสบการณ์แตกต่างออกไปอาจไม่ทันมุก หรือตีความมุกไปอีกแบบ ยกตัวอย่างนะ

ตัวบทพูดถึงเนินเอสเกอร์ (Esker) ที่เกิดจากการสะสมของทรายกับกรวดของแม่น้ำใต้แผ่นน้ำแข็ง สติ๊กแมนตัวหนึ่งพูดว่าแปลกจังที่เนินวนเป็นวง อีกตัวเลยพูดว่าเป็นเนิน M.C. ESKER ถ้าเราถามว่าอะไรคือฟังก์ชั่นของ M.C. คำตอบคือมันเป็นจุดเชื่อมโยงเข้ากับ M.C. Escher ผู้อ่านที่ไม่มีประสบการณ์กับผลงานของเอชเชอร์ก็ยากที่จะมีประสบการณ์ร่วมกับมุกของแรนดัลในสติ๊กแมน

ตัวบทพูดถึงมีวัฏจักรกลางวันและกลางคืนที่เปลี่ยนไปอันเป็นผลสืบเนื่องจากโลกหยุดหมุน ทำให้พระอาทิตย์ขึ้นและตกปีละครั้งแทนวันละครั้ง ตัวสติ๊กแมนพาคนอ่านข้ามไปถึงปัญหาการป้อนอาหารเกรมลิน เราต้องการความรู้เรื่องวงจรชีวิตของม็อกไกวในหนังของโจ ดันเต้ ถ้าพวกม็อกไกวน่ารัก ๆ เหล่านี้กินอาหารหลังเที่ยงคืน พวกมันจะฟักตัวเป็นเกรมลินส์ดุร้าย

บริบทพูดถึงปัญหาคนถูกทำลายดีเอ็นเอจากการกินเห็ดพิษ (ใช้ตัวอย่างเห็ดไข่เป็ดหรือ destroying angel) แล้วแรนดัลลากไปเชื่อมกับเชอร์โนบิลแพคเกต (แพคเกตเครือข่ายที่ทำให้เกิด broadcast storm) ปรากฎการณ์เคสเลอร์ (สถานการณ์ที่ความหนาแน่นของวัตถุในวงโคจรต่ำของโลกมีค่าสูงจนทำให้เกิดการชนของวัตถุต่อเนื่อง) แกนปิศาจกับอุบัติเหตุค่าวิกฤตทั้งคู่สัมพันธ์กับพลูโตเนียมมวลใต้วิกฤตทรงกลมที่เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ซึ่งควบคุมไม่ได้ เป็นต้น ในแง่หนึ่ง การอ่านสติ๊กแมนถือเป็นโจทย์ท้าทายคนอ่านฮะ คำถามหลักมีทั้งหมด 57 ข้อ รวมกับคำถามย่อย ๆ และคำถามที่แรนดัลไม่ตอบแล้วก็มากกว่า 70 ข้อ ผมขอเลือกเอามายั่วสัก 3 ข้อที่ยังไม่เคยพูดถึงบนเฟซบุ๊ก 1. คำถาม โยดาสามารถปล่อยพลังออกมาได้เท่าไร แรนดัลใช้เหตุการณ์ตอนที่โยดาใช้พลังยกเอ็กซ์วิงขึ้นจากบึง โดยเปรียบเทียบเอ็กซ์วิงกับยานรบเอฟ-22 แล้วประมาณน้ำหนัก 12000 ปอนด์ (ความกวนตีนอีกอย่างของแรนดัลคือใช้หน่วยเกือบทุกระบบ ... นี่ใช่ความยุติธรรมในบางแง่รึเปล่า) แล้วจับเวลาที่ใช้ในการยกเอ็กซ์วิงขึ้นจากน้ำ และเปรียบเทียบความสูงจากฉากลูกเรือเดินลอดใต้ยานจากภาคความหวังใหม่เพื่อประมาณอัตราเร็วการยกขึ้นของยาน สุดท้ายเปิดวูกีพีเดียเพื่อหาความเข้มสนามโน้มถ่วงบนดาวเดโกบาห์ (0.9 จี ... บ้ามากที่มีข้อมูลแบบนี้อยู่บนโลก) คำนวณออกมาว่าโยดาปล่อยพลังงาน 19.2 กิโลวัตต์ ตอนท้ายแถมคำนวณพลังงานสายฟ้าที่พัลลาทีนปล่อยไปซ๊อตลุค กับพลังของลุคที่ดึงดาบเลเซอร์ออกจากหิมะ ตบปิดด้วยมุกโยดาเป็นพลังงานสีเขียว (ไม่รู้จะเอาฮาไปไหน) 2. คำถาม เคยอ่านเจอว่ามีนักวิจัยบางกลุ่มพยายามสร้างสเปิร์มจากสเต็มเซลล์ไขกระดูก ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ตัวเองท้องโดยใช้สเปิร์มที่สร้างจากสเต็มเซลล์ของเธอเอง ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูกสาวจะเป็นอย่างไร แรนดัลใช้ระบบดี 20 ของสแตตตัวละครจากเกมคุกใต้ดินกับมังกรเป็นแบบจำลองดีเอ็นเอ ใช้สแตตแต่ละตัว (STR, CON, DEX เป็นต้น) แทนโครโมโซมเพื่อชี้ปัญหาโอกาสการจับคู่ของสแตตที่มีค่าต่ำเพิ่มขึ้นถ้าผสมพันธุ์กับตัวเองก่อนจบด้วยเรื่องของพระเจ้าการ์โลสที่มีสัมประสิทธิ์เลือดชิดเกือบเท่ากับเด็กที่เกิดจากพี่น้องผสมพันธุ์กัน 3. คำถาม ถ้าใช้ปืนพกยิงกระสุนซึ่งหนาแน่นเท่าดาวนิวตรอนบนพื้นผิวโลก (ไม่ต้องสนใจว่ายิงได้ยังไง) โลกจะถูกทำลายรึเปล่า กระสุนที่หนาแน่นเท่าดาวนิวตรอนจะหนักประมาณตึกเอ็มไพร์สเตต ถ้าปล่อยหล่นลงพื้น จะเจาะเปลือกโลกไปฝังแกนเหล็กผสมนิเกิลที่ใจกลางโลก ดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้นนัก แต่คำถามดัดแปลงที่แรนดัลเพิ่มอีกข้อคือ สมมุติว่าเราสามารถวางกระสุนไว้บนผิวโลก เราสามารถเข้าไปสัมผัสกระสุนได้มั้ย ปัญหาตอนนี้คือยิ่งเราเข้าใกล้กระสุน เราจะเข้าสู่สนามโน้มถ่วงที่ไม่กระจายแบบยูนิฟอร์ม ซึ่งเราไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ทำให้เราจะรู้สึกเหมือนเดินลงทางลาดทั้ง ๆ ที่กระสุนอยู่ในแนวระดับ และถ้ายื่นนิ้วเกินระยะห่าง 20 เซนติเมตรจากกระสุน นิ้วจะผ่าน point of no return (แปลว่าเราชักมือกลับออกมาไม่ได้ล่ะ) พอปลายนิ้วสัมผัส เลือดทั้งหมดจะถูกดูดไปล้อมเป็นทรงกลมรอบกระสุน และถ้าอยากสัมผัสจริง ๆ ก็ต้องเปิดน้ำใส่มันก่อนแล้วค่อยดำลงไป เตรียมวอดก้ากับเกลือไปเพื่อปรับความหนาแน่นของน้ำสู้กับ buoyancy ด้วย หนังสือสนุกและเนิร์ดมากครับ


bottom of page