
ต้องนับว่าเรื่องสั้นทั้ง 5 เรื่องมีความประณีต และหักมุมดีทุกเรื่อง มนุษย์น้ำแข็งเกี่ยวกับเด็กชายไปเที่ยวงานวัดแล้วได้ดูขัปปะแช่แข็งและมีความผูกพันลึก ๆ ผ่านสถานการณ์แปลก ๆ กับเด็กหญิงคนหนึ่ง สวนสาธารณะเมื่อวานนี้ค่อนข้างไซไฟสไตล์ what-if ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปช่วยใครบางคนที่คุณรักในอดีตได้ มนุษย์นกฮูกพูดถึงคนแปลกแยกที่พยายามปลุกชีพตำนานคนเมืองให้เป็นจริงผ่านฆาตกรรม หลงรักคนตายเกี่ยวกับหญิงสองคนที่แสดงความรักต่อคนที่ตายไปแล้วกันคนละแบบและแข่งขันกัน เรื่องสุดท้าย หินจากดวงจันทร์ว่าด้วยคำสาปที่ทำให้ทุกครั้งที่มองหุ่นคุณมองเห็นคนที่คุณรู้สึกว่าตัวเองทำผิดบางอย่างกับคนนั้น การวางโครงเรื่อง การนำเสนอแก่น วิธีเล่าเรื่อง กับบทสรุป ผู้เขียนทำได้ดีเยี่ยมครับ พูดตรง ๆ นะ น่าประหลาดใจมาก เพราะระหว่างอ่านกลับรู้สึกเบื่อแฮะ ให้อารมณ์เลี่ยน จะวางเสียไม่อ่านต่อก็ไม่เสียดาย พออ่านจบแล้วก็พยายามนั่งคิดนะว่าทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองชอบเรื่องดาร์ก ๆ โหด ๆ เป็นทุนอยู่แล้ว เล่มนี้น่าจะตรงสเป็กสิ แถมองค์ประกอบทั้งหลายแหล่ลงตัวไปเสียหมด หลังจากสำรวจใจตัวเองพักหนึ่งจึงพบคำตอบ มันขาดเสน่ห์ของความไร้เหตุผล จริงอยู่ที่เด็กชายคนไปดูขัปปะแช่แข็งจะบรรยายถึงตัวเองว่าความผูกพันที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงนั้นไร้เหตุผล แต่พลังของโครงเรื่องมันสร้างเหตุผลให้ความไร้เหตุผลนั้นแล้ว จริงอยู่ที่คนแปลกแยกพยายามสร้างตัวตนมนุษย์นกฮูกโดยบรรยายถึงการสร้างตัวตนใหม่นั้นว่าไม่มีเหตุผล แต่คนอ่านก็หาเหตุผลพบได้ง่าย ๆ จากร่องรอยที่ผู้เขียนทิ้งไว้เกลื่อน แม้แต่การฆ่าที่ไร้เหตุผล ผู้อ่านส่วนใหญ่กลับไม่รู้สึกลำบากอะไรในการให้เหตุผลแก่มัน ความรู้สึกของผมที่มีต่องานชุดนี้คือ มันสมดุลเกินไป สุกเกินไป ทำให้ความใหม่เปร่งประกายไม่เต็มที่ เรื่องสยองขวัญต้องดิบหน่อย ๆ ถึงจะอร่อยครับ