top of page

An Economist Walks into a Brothel

ชื่อเรื่องกับ concept ของหนังสือที่อ่านจากปกหลัง ดึงดูดความสนใจดีฮะ Allison Schrager ใช้ฉากซ่องโสเภณีที่ถูกกฎหมายในรัฐเนวาดาเป็นตัวอย่างวิเคราะห์ความเสี่ยงที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจเซ็กส์ โดย theme ของหนังสือคือ นำเสนอพื้นฐาน financial economics ในบริบทที่ดูเหมือนสุดโต่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตลากหลักทรัพย์ เช่น ซ่องโสเภณี อะไรทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแพงกว่าในซ่องถูกกฎหมาย ยอมเสียค่าต๋ง ปัจจัยใดทำให้คนขายบริการทางเพศยอมแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งในเจ้าของซ่อง ทั้ง ๆ ที่ประกาศขาย online อาจได้มากกว่า, ธุรกิจภาพยนตร์ของฮอลลีวูด เป็นไปได้ไหมที่จะทำนายว่าหนังเรื่องไหน แนวอะไร ทำกำไรและควรลงทุน ในเมื่อหนังส่วนใหญ่เป็นหนังที่ขาดทุน ฮอลลีวูดมีกลยุทธ์ลดความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไร, ธุรกิจแอบถ่ายภาพดาราของกลุ่มปาปารัสซี ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ใช้แสดงให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่าง idiosyncratic risk (ถ้าชาวบ้านไม่สนใจจีจี้ ฮาดิด อีกต่อไป ราคาของภาพของเธอจะตก ปาปารัสโซต้องลุ้นว่าวันนี้เธอจะไปไหน ทำอะไรกับใคร) กับ systematic risk (นิตยสารแท็บลอยด์อาจหมดความนิยม) ที่ดีและสนุกสนาน Allison ถึงขั้นไปซุ่มเป็นลูกมือช่วยปาปารัสโซคนหนึ่ง ชื่อ Santiago Baez ถ่าย Alec Baldwin, หรือสัมภาษณ์หลักการเล่นโป๊กเกอร์ของ Phil Hellmuth สัมภาษณ์นักเล่นกระดานโต้คลื่นขนาดยักษ์ และร่วมกลุ่ม conference ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดโอกาสตายของนักเล่นกระดานโต้คลื่นยักษ์ สัมภาษณ์คนจากกลุ่มอาชญากรรมที่มักจะมีความเชื่อว่า พวกเขามีโอกาสถูกจับได้น้อยนิด เพราะที่ผ่านมา พวกเขายังไม่ถูกจับ หรือสัมภาษณ์คนตลาดเพาะพันธุ์ม้าแข่ง ซึ่งต้องลงทุนกับสิ่งที่ยังไม่เห็นผลในอีกหลายปีกว่าม้าที่เพาะแต่ละตัวจะเปิดเผยธาตุแท้ออกมา

ถ้าไม่นับว่าชื่อหนังสือให้ข้อมูลที่เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ตัวอย่างเดียวเท่านั้น และหลอกล่อให้เราคิดเอาเองว่าจะมีอะไรเซ็กซี่ทั้งเล่ม ก็ต้องถือว่า Allison Schrager เขียนสนุก อ่านเพลิน แม้บางตอนดูเหมือนจะหลุด focus จาก theme ของหนังสือไปบ้าง เพราะเน้นที่ตัวตนของผู้ถูกสัมภาษณ์มากไปสักนิด (เว้นแต่คุณจะอยากรู้ว่าปาปารัสโซ Baez มีเมียที่ยังเด็กมากและลูกชายหนึ่งคน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้อ่านหนังสือเล่มนี้นะฮะ ถ้าคุณเป็นคนที่คุ้นเคยกับความน่าจะเป็นและการจัดการความเสี่ยงอยู่แล้ว คุณรู้จักชนิดของ risk รู้จักค่า market beta คุณรู้จักแนวคิดที่พยายามอธิบายพฤติกรรมของคนที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกระหว่างตัวเลือกหลาย ๆ ชนิด เช่น prospect theory ของ Tversky กับ Kahneman หรือ break-even effect ของ Thaler กับ Johnson และรู้จักเครื่องมือที่ใช้ลดความเสี่ยงอย่าง diversification รู้ว่ามันช่วยลด idiosyncratic risk อย่างไร แต่ทำไมมันไม่ช่วยลด systematic risk รู้จักเทคนิค de-risking อย่าง hedging หรือ การซื้อประกัน (หรือ stock option) รวมถึงเข้าใจผลสืบเนื่องจากการจัดการความเสี่ยงในระดับหนึ่งได้ดีจนนำไปสู่ความเสี่ยงที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แบบ Peltzman effect ชัด (ชื่อปรากฏการณ์นี้มาจากชื่อนักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยชิคาโก Sam Peltzman ที่ได้ตั้งข้อสังเกตในปี 1975 ว่าการพัฒนาระบบความปลอดภัยในรถยนต์เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแสดงพฤติกรรมที่เสี่ยงมากขึ้นในการขับขี่รถยนต์) และตระหนักว่า อย่างไรเสีย ก็ยังมีความไม่แน่นอนที่ไม่สามารถทำนายได้ (บางทีเรียก Knightian uncertainty ตามชื่อนักเศรษฐศาสตร์ Frank Knight) หรือ unknown unknowns ซึ่งนำไปสู่ข้อสรุปสำคัญที่สุดของหนังสือ

Knowing how to take just enough risk increases the odds our risks will work out and we can get more from life.

คุณก็อาจไม่ได้รับความรู้ใหม่จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ นอกจากตัวอย่างประกอบที่แตกต่างและเรื่องเล่าสนุก ๆ ในแง่หนึ่ง การเลือกหนังสืออ่านก็เป็นความเสี่ยงนะ Allison Schrager พูดบ่อยครั้งในหนังสือของเธอว่า Risk is the cost we pay to get more.

bottom of page