
มองข้ามประเด็นการเมืองละกันนะฮะ เล่มนี้คิงด่าทรัมป์แรงและถี่ทีเดียว ... Luke Ellis เป็นเด็กฉลาด อัจฉริยะ และนอกเหนือจากความฉลาดนั้น บางครั้งเขาสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยความคิดได้ นั่นเป็นเหตุให้พ่อแม่ถูกฆ่า และเขาถูกลักพาตัวไปยัง The Institute สถานที่ทำการทดลองอย่างโหดร้ายกับเด็ก ๆ ผู้มีพลังพิเศษประเภทเดียวกัน เราว่าองค์ประกอบทำนองนี้เป็นพื้นที่หากินของ Stephen King นะ พลังจิตกับแก๊งเด็ก ๆ ร่วมต่อสู้กับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อความอยู่รอด เพื่อทวงความยุติธรรม และสุดท้ายแล้ว คิงจะเล่นกับคนอ่านด้วยการชี้นำ บางครั้งล่อลวง ให้คนอ่าน justify ความยุติธรรม ถ้าเรามองเปรียบเทียบนิยายเรื่องนี้กับซิมโฟนี จะมี 3 movements ท่อนแรก ปูเรื่องก่อน Luke หนี (และปูเรื่องให้ตัวละคร Tim ซึ่งเป็นตัวเอกอีกตัว ไปรอเจอ Luke ที่ดูเปรย์) เทมโปจะอยู่ที่ adagio/adagietto/andante ma non troppo ตามด้วยท่อนที่สอง คือหลังจาก Luke หนีจาก The Institute เป็น vivace ท่อนนี้คือ page-turner ของจริง ถ้าเป็นหนัง ก็เป็นฉากที่ทุกคนรอคอย แล้วจบด้วย adagio [คำเตือน ข้อความต่อจากนี้ เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง] เราว่าแกนของหนังสือไม่ต่างจากปัญหา trolley ของจูดิธ จาวิส ทอมสัน ในแบบที่ the bystander หรือคนสับสวิตช์คือผู้อยู่เบื้องหลัง The Institute บนปรัชญา lesser evilism (บัญญัติข้อหนึ่งของหวังจีซิน (王积薪) สละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก) เด็ก ๆ ที่ถูกขังที่ The Institute จะถูก weaponized โดยคนกลุ่มหนึ่ง เพื่อยับยั้งความวุ่นวายและสงครามที่จะเกิดบนโลก คล้าย ๆ The Minority Report ของฟิลิป เค ดิก และมี precogs เหมือนกัน
นึกถึงโควตหนึ่งของมากาเร็ต มีด
"บางครั้งเราก็จำเป็นต้องยอมรับ lesser evil แต่เราไม่ควรพูดว่ามัน (necessary evil) เป็นความดี"